ยาแฝด
ยาแฝด
เป็นการทำเสน่ห์อย่างหนึ่งเพื่อให้คนบังเกิดความรักและลุ่มหลงในตัวผู้กระทำ
การทำเสน่ห์ทางไสยศาสตร์ของคนโบราณมีหลายวิธี แต่ที่เรียกว่าเสน่ห์ยาแฝดนี้
หมายถึงการทำเสน่ห์โดยทำยาผสมให้กิน เมื่อผู้ใดกินเข้าไปแล้ว ก็จะบังเกิดความรักและโหยหาในตัวผู้กระทำ
ถึงกับต้องมาหากันในทันใด คนแต่ก่อนว่าไว้ ใครถูกยาแฝดถึงอยู่ไกลไม่เกินสามวัน
ถ้าอยู่ใกล้ไม่เกินชั่วหม้อข้าวเดือด ย่อมทนอยู่มิได้ จะต้องมาหากันเป็นแน่แท้
วิธีที่ 1
ยาแฝดเป็นความเชื่อโบราณ
เมื่อกาลเวลาผ่านไปจึงค่อย ๆ สูญไปทีละน้อย
ผู้รู้แต่ก่อนก็มักปกปิดไม่เปิดเผยเพราะเกรงจะมีผู้เอาไปทำแล้วเกิดบาปแก่ตัวเอง
แต่จากที่มีบันทึกไว้ในสมุดข่อยตกทอดมาถึงปัจจุบันพบว่า มีวิธีการทำหลายวิธี
วิธีหนึ่งคือนำ ลูกสวาดมาล้วงเอาไส้ข้างในออก แล้วให้ผู้กระทำลงไปอาบน้ำในอ่าง
ขัดสีร่างกายให้ทั่ว แล้วรอให้น้ำตกตะกอน
จากนั้นจึงรินน้ำออกช้อนเอาแต่ตะกอนคราบไคลในตัวมาจำนวนหนึ่งผสมกับชะมด
พิมเสนและของหอม ยัดใส่ในลูกสวาดนั้นแล้วปิดผนึกด้วยขี้ผึ้ง
แล้วจึงกลืนเข้าไปในท้อง เมื่อจะถ่ายอุจจาระให้คอยดูเมื่อถ่ายออกมาได้แล้วจึงนำลูกสวาดนั้นมาชำระล้างแล้วเอาเผาไฟให้ไหม้
เสกด้วยคาถาแล้วใส่ให้ผู้ที่เราปรารถนากินเข้าไปจะรักเราจนวันตาย
ตัวยาที่ใช้ทำยาแฝดมีหลายอย่าง บางตำรับให้ใช้ลูกลำโพงบ้าง
หรือไคลกลางใจมือใจเท้าทั้งสองข้าง เลือดจากหน้าอก ไปจนถึงเถ้ากระดูกผีพราย
ส่วนผสมเหล่านี้ทำยาแล้วเสกด้วยคาถาเอาใส่ให้กิน เรียกว่ายาแฝด
ทำให้ลุ่มหลงมัวเมาอย่างถอนตัวไม่ขึ้นวิธีที่ 2
อีกวิธีหนึ่ง
โบราณว่าให้เอาตะไคร่จากสีมาหน้าพระอุโบสถ ตะไคร่จากเสาตะลุงช้าง
(หมายถึงเสาหลักที่เขาผูกช้างเอาไว้เสมอ) และขี้เหงื่อขี้ไคลจากตัวเราที่ขัดตอนอาบน้ำ
เอาส่วนผสมเท่า ๆ กันมาผสมเข้าด้วยกัน แล้วใส่ในเมล็ดสวาด
เมล็ดสวาดนี้ให้เจาะเป็นรูเล็ก ๆ แล้วล้วงเอาไส้ในออก
เมื่อบรรจุเข้าไปแล้วอุดด้วยขี้ผึ้ง จากนั้นให้กลืนเข้าไปในท้อง
รอจนถ่ายอุจจาระให้หาดูเพราะเมล็ดสวาทจะไม่ย่อยสลาย จากนั้นเอามาล้างน้ำให้สะอาดแล้วเผาไฟให้เป็นถ่าน
บดเป็นผงละเอียด แล้วเสกด้วยมนต์คาถา โอมจิตคิดถึงลำโพง
กูจะเสกให้ช้างกินช้างก็ลืมโขลง กูจะเสกให้โขลงกินโขลงก็ลืมไพร
(เอ่ยชื่อคนที่เรารัก) อยู่มิได้ร้องไห้มาหากู โอมสวาหะ เสกให้ได้ครบ 3
วันเสาร์แล้วเอาผสมอาหารให้กิน คนผู้นั้นจะรักและหลงอย่างถอนตัวไม่ขึ้น
วิธีที่ 3
ใช้ลูกลำโพงกาสลัก ซึ่งเป็นพืชชนิดหนึ่ง
มีเคล็ดว่าเมื่อเด็ดลูกมาแล้วให้รีบหันกลับไปจากที่นั้น ห้ามหันหลังไปดูโดยเด็ดขาด
เอาลูกลำโพงมาผสมกับขี้ไคลในตัวเรา เช่น ไคลจากใจมือใจเท้าทั้งสองข้าง
ไคลจากที่ลับ เป็นต้น บดผสมกันแล้วเสกด้วยคาถา โอมพญาลำโพง ช้างกินลืมโรง
โขลงกินก็ลืมไพร สาวแก่แม่หม้าย บุรุษผู้ใดกินเข้าไป ให้ร้องไห้มิพักอัดแอ
ลืมพ่อลืมแม่ ปู่เจ้าเขาเขียวปู่เจ้าสมิงไพร ให้ไว้แก่กู สิทธิสวาหะ
แล้วลอบใส่ในอาหารหรือในน้ำให้กิน ตำราว่าใครกินเข้าไปรักเราจนวันตาย
ถ้าให้รักทั้งเรือนเอายาใส่ลงในตุ่มน้ำให้กินรักทั้งเรือน
ตัวยาที่ใช้มีหลายชนิดที่แตกต่างกันออกไป
บางทีให้ใส่เลือดในหัวอกหรือท้องน่องของผู้กระทำลงไปด้วยเล็กน้อย
เพื่อเป็นเคล็ดว่าเรารักเขาเสมือนเลือดในหัวอก
บางตำราให้ผสมผงกระดูกจากศพที่ตายวันเสาร์เผาวันอังคารลงไปด้วยก็มี
วิธีที่ 4
อีกอย่างเรียกว่า หงส์ร่อนมังกรรำ
เป็นวิธีที่ผู้หญิงจะใช้กับผู้ชายโดยเฉพาะ วิธีนี้คือการเอาอาหารที่เขาจะรับประทาน
ตอนยังร้อน ๆ อยู่ เอาใส่ไว้ใต้หว่างขา
โบราณให้ปลดโจงกระเบนยกขึ้นอังไว้ให้พออากาศผ่าน เมื่อไอร้อนโดนความเย็นด้านในก็จะกลั่นตัวเป็นหยดน้ำลงในหม้อ
ทำอาการอย่างนี้เรียกว่าหงส์ร่อนมังกรรำ แล้วเอาให้รับประทาน
ผู้ชายจะหลงจนโงหัวไม่ขึ้น นอกจากนี้ยังมีวิธีอย่างอื่นอีก
ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้น
การทำเสน่ห์ด้วยยาแฝดนี้
ทำให้รักหลงได้แต่โบราณก็ว่า มีผลข้างเคียงกับผู้ถูกกระทำ กล่าวคือ ในเบื้องต้น
ผู้ถูกยาแฝดจะมีใบหน้าขาวซีด ขอบตาคล้ำปราศจากสง่าราศี หรือใบหน้าเป็นฝ้า
มีอาการบ่นเพ้อหาโดยไม่ทราบสาเหตุ บางคนอาจถึงคลุ้มคลั่งมีอาการเหมือนวิกลจริต
นานวันยิ่งอาการหนักขึ้นจนอาจถึงเสียสติ
โบราณจึงห้ามนักหนาว่าไม่ควรทำเพราะเป็นบาปแก่ตัวมาก
วิธีแก้
คนถูกเสน่ห์ยาแฝด ให้กินน้ำใต้ท้องเรือจ้าง 7
ลำจึงหาย อันนี้ไม่ทราบเป็นข้อเท็จจริงหรือเพียงคำเปรียบเปรยของคนยุคก่อน
แต่โดยมากในทางไสยศาสตร์มักแก้โดยการรดน้ำมนตร์ธรณีสาร
น้ำมนตร์โองการพระมหาเถรตำแย หรือทำน้ำมนตร์ด้วยคาถาถอนโบสถ์ถอนสีมา ฯลฯ
อาบตัวผู้นั้นตลอดจนให้กินเข้าไป
หากอาการหนักอาจมียาหม้อสมุนไพรที่เสกด้วยคุณพระประกอบให้ต้มกินจนกว่าจะหาย
คนสมัยก่อนเมื่อไปบ้านหญิงหรือไปต่างถิ่นต่างแดน มักระวังตัวเรื่องยาแฝดหรือยาสั่ง
จึงมักมีคาถาปัองกันตัว คาถาที่ใช้ป้องกันคือ สมุหเนยฺย สมุหนติ สมุหคโต สีมาคตํ
พทฺธเสมายํ สมุหนิพตพฺโพ เอวํ เอหิ นะเคลื่อน โมถอน พุทคลอน ธาเคลื่อน
ยะเลื่อนหลุดหาย คาถานี้ถ้าสงสัยว่าอาหารมียาแฝดหรือยาสั่งใด ๆ
ให้เสกถอนด้วยคาถาดังกล่าว ก็จะเสื่อมคลายสิ้นไป
ปัจจุบันความเชื่อเหล่านี้คงเหลืออยู่น้อยมาก