23/6/59

ตะข้อช้าง คชกุศ

คชกุศ หรือ ตะขอช้าง เชื่อกันอาถรรพ์ เป็นของขลัง สะกดอาคม



            คชกุศ เป็นของ ศักดิ์สิทธิ์ที่นับถือกันในหมู่ ผู้ศึกษาพระเวทย์ที่รู้ลึกรู้จริงว่า เป็นของมงคลที่หาได้ยากยิ่งและ มีอานุภาพสูงหลายประการคือ เป็นของ โภคทรัพย์ จากการเป็นของหมายถึงการเกี่ยวการเหนี่ยวรั้งไว้ อีกประการคำว่าขอก็คือได้ เป็นคำมงคล หากนำมาไว้ที่บ้านยังเป็นของคุมอาถรรพ์ด้วยเชื่อว่า มีอานุภาพ บังคับทุกสิ่ง ให้เป็นไปในทางดี ไม่ก่อกำเริบเดือดร้อน หากผู้มีวิทยาคุณอื่นจะมาลองวิชาก็มักแพ้ภัยตัวเองไป เพราะอำนาจ เหล็ก คชกุศ สะกดอาคมไว้มิให้แสดงฤทธิ์ได้นั่นเอง รวมถึงดีในทางควบคุมคนให้อยู่ในอำนาจด้วย






           คชกุศขอช้างถือเป็นเครื่องรางมงคล 1 ใน 8 สิ่งมงคลของศาสนาพราหมณ์ เพราะคชกุศเป็นเทพศาสตราชนิดหนึ่งของพระพิฆเณศวร ในตำราเก่าแก่ได้กล่าวไว้ว่า คชกุศนั้นใช้ในการควบคุมตัวกิเลสให้อยู่ในที่ตั้ง เป็นศาสตราวุธประจำตัวพระพิฆเณศวรที่สามารถทำลายอุปสรรค ปัญหาทุกสิ่งทุกอย่างให้พ้นทาง ในตำราเรื่องป่าหิมพานต์เล่าว่า สมัยครั้งแต่ก่อนนั้นภายในป่าหิมพานต์ ได้มีช้างนิสัยดุร้ายเกรี้ยวกราดมีฤทธิ์เดชมาก ชื่อเอกทันต์ ได้สร้างความเกะกะ ละลานให้กับเหล่ามนุษย์ เทวดา ให้อยู่แบบไม่มีความสุข เรื่องร้อนถึงพระอิศวร พระอิศวรจึงมีรับสั่งให้ พระนารายณ์ลงไปกำราบช้างเอกทันต์ เมื่อพระนารายณ์ลงมายังป่าหมพานต์ช้างเอกทันต์ตกใจจึงได้พยายามหลบหนี เพราะกลัวฤทธิ์ของพระนารายณ์ที่มีมากกว่าตน เมื่อพระนารายณ์ตามหาช้างเอกทันต์จนพบจึงให้บ่วงบาศคล้องช้างเอกทันต์เอาไว้ แต่เกิดปัญหาเพราะบริเวรที่จับช้างเอกทันต์เป็นทุ่งกว้าง ไม่สามารถหาต้นไม้ผูกช้างได้ จึงปักตรีศูรลงไปในดินและเสกให้ตรีศูลกลายเป็นต้นมะตูมยักษ์แล้วผูกช้างเอกทันต์กับต้นมะตูมใหญ่นั้น จนคลายความพยศ แล้วได้หักกิ่งต้นมะตูมเสกเป็น คชกุศ บังคับนำช้างเอกทันต์เข้าพบพระอิศวร ต่อมาได้ทรงมอบคชกุศอันนั้นให้กับพระพิฆเณศวรให้เป็นอาวุธประจำกาย พลังอำนาจของคชกุศนั้นดีเด่นทางด้าน พลังอำนาจเป็นมหาปราบ กันแก้คุณไสยและอาถรรพย์ ภูติผีปีศาจ พร้อมประทานโชคลาภให้กับผู้บูชา






(ตะขอที่ใช้งานอยู่มีประสิทธิภาพมากกว่าตะขอที่ทิ้งไว้หรือที่มำใหม่ๆ ยิ่งถ้าได้ใช้กับช้างตกมันที่ฆ่าคนมาแล้วยิ่งมีพลังมาก)

หากช่วงกลางคืนบ้านไม้มีเสียงดังอ๊อดแอ็ด ให้เอาตะขอสับกับเสาบ้านไว้กันภูติผีได้

17/6/59

ข้อห้าม สำหรับผู้สักยันต์ และมีคาถาอาคม



ข้อห้าม สำหรับผู้สักยันต์และผู้มีอาคม

ห้ามลอดราวผ้า เนื่องจากราวผ้านั้นเป็นที่รวมเสื้อผ้าของหญิงชายที่นำไปซักแล้วเอามาตากจึงมีทั้งผ้าซิ่น หรือกางเกง ถือว่าเป็นของต่ำ หากผู้ที่ถือคาถาไปลอดจะทำให้ของที่ถืออยู่เสื่อม

ห้ามกินของเหลือ เช่น อาหารที่เหลือทิ้งไว้ หรือกินทีหลังเขา คนถือวิชามักจะต้องทานก่อนเสมอ

ห้ามกินผักปลั๋ง เพราะผักชนิดนี้มีผิวมันลื่น เชื่อว่าคาถาที่ถือจะลื่นไหล ไม่มั่นคง ไม่แข็งแรง

ห้ามกินฟักเขียว เพราะมีลักษณะคล้ายนมผู้หญิง แม้แต่ลอดร้านไม้ที่ปลูกก็ไม่ได้

ห้ามกินมะเฟือง หรือแม้แต่ลอดใต้ต้นมะเฟือง เพราะลูกมะเฟืองมีลักษณะคล้ายอวัยวะเพศหญิง

ห้ามลอดต้นกล้วย ที่ใบกล้วยปกเคลือกล้วยหรือปลีกล้วย ก็เชื่อว่าคาถาจะเสื่อมเช่นกัน

ห้ามกินข้าว กินน้ำงานศพ หรือแม้แต่ดมไอกับข้าวงานศพก็ไม่ได้

ห้ามลอดเงา ปราสาทศพ

ห้ามลอดสายผ้าเต้นท์คลุมปราสาทศพ

ห้ามลอดใต้ถุนบ้าน อันนี้แล้วแต่บางคนถือหรือไม่ถือ บางคนถือจริงจังถึงกับต้องยอมเสียเวลาเดินอ้อมบ้านเลยก็มี เกี่ยวกับเรื่องการลอดใต้ถุนบ้าน

คนโบราณมักจะทำบ้านใต้ถุนสูงเพราะกันน้ำท่วม และเพื่อความเย็นสบายในเวลากลางวันและกลางคืน บนบ้านจะใช้เป็นที่อยู่อาศัยหลับนอนเท่านั้น แต่ใต้ถุนจะเป็นที่เก็บข้าวของทางการเกษตร หรือเลี้ยงสัตว์ 

แต่ถ้าในปัจจุบันสภาพบ้านเมืองมันเปลี่ยนแปลงไป บ้านใต้ถุนสูงไม่นิยมสร้างกันนิยมหันไปสร้างบ้านตามแบบสถาปัตยกรรมตะวันตกไปเสียหมด มีตึก มีอาคารที่มีการสร้างสองสามชั้นขึ้นไป ซึ่งส่วนมากมักจะเป็นสถานที่ราชการหรือที่ ๆ จะต้องติดต่อธุระเป็นส่วนใหญ่

แล้วคนที่ถือคาถาจะทำอย่างไรในเมื่อลอดไม่ได้ ขอขยายประเด็นตรงนี้นะครับ บ้านไม้ยกใต้ถุนสูงในสมัยก่อน ระหว่างใต้ถุนกับชั้นบนจะต้องคั่นกลางด้วยแป้นไม้เป็นแผ่น ๆ ยาว ๆ เป็นตัวกั้นเพื่อเป็นที่รองรับอาศัยน้ำหนักของคนบนบ้าน

แต่! การปูแป้นไม้สมัยก่อนจะไม่ปูชิดสนิทกันดี เหมือนการปูพื้นปาเก้ จะปูห่างกันไห้ว่างเป็นช่องแคบ ๆ สลับกันไปท่านที่เคยเห็นบ้านไม้สมัยก่อนคงนึกออก เพื่อกวาดเอาเศษฝุ่นบนบ้านให้ตกลงไปตามช่องแคบ ๆ นี้

และเพื่อเป็นที่ระบายอากาศจากข้างล่างด้วย ถือเป็นภูมิปัญญาของชาวบ้านเพราะสภาพอากาศเมืองไทยเป็นเมืองร้อนชื้น เศษฝุ่นบนบ้านนั้นแน่นอนต้องมาจากเท้าของเราอยู่แล้ว ดังนั้นที่ท่านไม่ให้ลอดใต้ถุนบ้านก็เพราะกลัวว่าเศษฝุ่นจากเท้าของคนบนบ้านจะปลิวตกลงมาใส่หัว  

ห้ามให้ใครมาจับหัว ลูบหัว

ห้ามเคี้ยวใบพลู โดยไม่เด็ดปลายออก

ห้ามถ่มน้ำลายลงชักโครก หรือ คอห่าน เพราะจะทำให้อำนาจคาถาที่เราท่องบ่นหายไปไม่วาจาสิทธิ์ 

เครื่องรางของขลังจากสัตว์

เครื่องรางของขลังจากสัตว์ ไม่ต้องปลุกเสกฤทธิ์เดชเหลือคณา
ครื่องรางของขลัง ถือกำเนิดจากความเชื่อและอยู่คู่คนไทยมาช้านาน จากคำบอกเล่ารุ่นสู่รุ่น ถึงแม้จะพิสูจน์ไม่ได้ว่าความเชื่อเหล่านั้นจะเป็นจริงหรือไม่ เครื่องรางของขลัง ถือกำเนิดจากความเชื่อและอยู่คู่คนไทยมาช้านาน จากคำบอกเล่ารุ่นสู่รุ่น ถึงแม้จะพิสูจน์ไม่ได้ว่าความเชื่อเหล่านั้นจะเป็นจริงหรือไม่
10 เครื่องรางของขลังจากสัตว์
แต่วิถีชีวิตของคนไทยก็ถือว่าเรื่องโชคลาง ของคลัง หรือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย คือ ศรัทธา คือ เครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจที่สามารถดลบันดาลให้ชีวิตแคล้วคลาดปลอดภัย ประสบแต่ความสุข ความเจริญ
หากไม่ประสบกับตัวก็คงอาจไม่รู้และหาคำตอบไม่ได้ แต่ถ้าได้เจอประสบการณ์เหล่านั้นความคิดคุณอาจต้องเปลี่ยนไป ตามไปสัมผัสกับเครื่องรางของขลังที่ถือกำเนิดมาจากสัตว์โดยธรรมชาติที่มีฤทธิ์เดชเหลือคณา
เขี้ยวเสือกลวง
ปกติแล้วเขี้ยวเสือทั่วไปจะมีลักษณะตัน แต่ถ้าเขี้ยวเสือที่มีลักษณะพิเศษโดยด้านในจะกลวงตั้งแต่รากฟันไปจนเกือบถึงปลายเขี้ยว ถือเป็นของทนสิทธิ์หายาก
มีฤทธิ์อำนาจ : คงกระพันและมหาอุด ยิงฟันไม่เข้า นับว่าเป็นของขลังที่หายากและมีฤทธิ์เดชยิ่งนัก
เขี้ยวหมูตัน
เขี้ยวหมูป่าโดยปกติด้านในจะมีรูกลวงตั้งแต่รากฟันขึ้นไปย่างน้อยครึ่งเขี้ยวหรือเกือบถึงปลายเขี้ยว แต่ถ้าหากเขี้ยวซี่นั้นด้านในตัน ก็ถือเป็นของทนสิทธิ์หายาก
มีฤทธิ์อำนาจ : ยิงฟันไม่เข้า ใช้เป็นเครื่องรางป้องกันศาสตราวุธต่าง ๆ
ช้องหมูป่า
เป็นเส้นขนพิเศษของหมูป่า ที่ขึ้นอยู่บริเวณตัวของหมูป่าโดยเฉพาะที่บริเวณหัว หรือระหว่างคิ้วของมัน มีความยาวเป็นพิเศษ หรือบางตำราเชื่อว่าคือขนที่ยาวเป็นพิเศษของหมูป่า โดยหมูป่าจะนำขนนี้อมไว้ในปากหรือพันไว้ที่เขี้ยวตลอดเวลา
มีฤทธิ์อำนาจ : ด้านป้องกันเภทภัย มหาอุด คงกระพัน แคล้วคลาด
งากำจัด
เป็นงาช้างที่หักคาต้นไม้ ที่เกิดจากช้างตกมัน ช้างเกเร หรือ ช้างที่มีฤทธิ์มาก อาละวาดแล้วเอางาไปแทงต้นไม้ทำให้งาหักคาต้นไม้
มีฤทธิ์อำนาจ : ด้านคงกระพัน เสริมบารมี แก้อาถรรพ์ แล้วยังเชื่อว่ามีเสน่ห์อีกด้วย
งาช้างน้ำ
มีลักษณะคล้ายเขี้ยวเสือแต่เล็กกว่า ช้างน้ำนั้นเป็นสิ่งมหัศจรรย์แห่งตำนานป่าหิมพานต์เฉกเช่นเดียวกันกับมักกะลีผล ซึ่งอยู่อีกมิติหนึ่งที่ซ้อนกันอยู่กับโลกมนุษย์ หรือจะเรียกว่าแดนสนธยา ก็ย่อมได้
มีฤทธิ์อำนาจ : เด่นทางมหาอำนาจราชศักดิ์ สยบศัตรู เมตตามหานิยม เสริมดวง กลับร้ายให้กลายเป็นดี แคล้วคลาด ป้องกันคุณไสยมนต์ดำ อสรพิษ สัตว์ร้ายทุกชนิด
เขากวางหด
เขากวางหดหรือเขากวางคุด เป็นเขาที่ไม่ได้ขึ้นตามปกติทั้งสองข้าง แต่จะขึ้นที่กลางหน้าผาก หรือกลางหัว มีลักษณะผิดปกติ ไม่เติบโตยืดยาวเป็นกิ่งก้าน แต่จะคุดเป็นก้อนปมตะปุ่มตะป่ำอยู่ที่โคนเขา มีตั้งแต่สามยอด ห้ายอด เจ็ดยอด เก้ายอดถือว่าดีที่สุด แต่ถ้าหากเป็น “เขากวางคุดสิบสองยอด“ ซึ่งถือว่าเป็นกายสิทธิ์ชั้นยอดเยี่ยม
มีฤทธิ์อำนาจ : มหาอุด คงกระพัน เมตตา มหาอำนาจ ราชศักดิ์ โชคลาภ เจริญรุ่งเรืองร่มเย็นเป็นสุข ป้องกันภัยทั้งหลายทั้งปวง
เดือยงูเหลือม
เป็นอวัยวะชนิดหนึ่งที่สามารถงอกออกมาได้ข้างๆรูถ่ายของเสีย ซึ่งจะมีเฉพาะพญางูเหลือมหรืองูที่มีอายุมากเพศผู้เท่านั้น
มีฤทธิ์อำนาจ : ดีในด้านเสี่ยงโชค ดีในด้านทำมาหากิน โชคลาภ ค้าขายดี ดีในด้านมหาเสน่ห์ เมตตามหานิยม
กระดูกงูเหลือม
ได้มาจากการที่ปล่อยให้งูเหลือมเน่าเปื่อยจนแห้งเหลือแต่กระดูก แล้วนำเอากระดูกสันหลัง มาทำเป็นเครื่องรางของคลัง เช่น ที่รัดเอว หรือ กำไลข้อมือ
มีฤทธิ์อำนาจ : ใช้ป้องกันงูพิษทั้งหลาย
กระเบนท้องน้ำ
ได้มาจากกระดูกของปลาโรนิน ปลาโรนัน และปลากระเบน (ส่วนใหญ่จะมาจากปลาโรนัน ซึ่งชาวบ้านเรียกกันว่าปลากระเบนท้องน้ำ) เป็นปลากระดูกอ่อนเช่นเดียวกับฉลาม แต่จะมีปุ่มหนามแข็งบนหัวและลำตัว
มีฤทธิ์อำนาจ : ป้องกันภัยทางน้ำ ป้องกันคุณไสย หรือ ป้องกันให้แคล้วคลาดจากพายุ
น้ำตาพะยูน
ได้มาจากน้ำตาของปลาพะยูน

มีฤทธิ์อำนาจ : เป็นของขลังทางเสน่ห์อย่างแรงกล้าเช่นเดียวกับน้ำมันพราย
ถึงแม้จะมีของหลังที่ทรงอานุภาพมากมายบนโลกใบนี้ แต่หาได้เทียบเท่าของขลังที่เกิดจาก สติ สมาธิ ปัญญา หากแม้นมี 3 สิ่งที่พึงถือระลึกไว้ อันตรายทั้งหลายทั้งปวงก็จะแคล้วคลาดด้วยสติและปัญญา ความเจริญที่ใฝ่หาจะมั่งมีด้วยสมาธิและความเพียรพยายาม

ยาแฝด


ยาแฝด

ยาแฝด เป็นการทำเสน่ห์อย่างหนึ่งเพื่อให้คนบังเกิดความรักและลุ่มหลงในตัวผู้กระทำ การทำเสน่ห์ทางไสยศาสตร์ของคนโบราณมีหลายวิธี แต่ที่เรียกว่าเสน่ห์ยาแฝดนี้ หมายถึงการทำเสน่ห์โดยทำยาผสมให้กิน เมื่อผู้ใดกินเข้าไปแล้ว ก็จะบังเกิดความรักและโหยหาในตัวผู้กระทำ ถึงกับต้องมาหากันในทันใด คนแต่ก่อนว่าไว้ ใครถูกยาแฝดถึงอยู่ไกลไม่เกินสามวัน ถ้าอยู่ใกล้ไม่เกินชั่วหม้อข้าวเดือด ย่อมทนอยู่มิได้ จะต้องมาหากันเป็นแน่แท้

วิธีที่ 1

ยาแฝดเป็นความเชื่อโบราณ เมื่อกาลเวลาผ่านไปจึงค่อย ๆ สูญไปทีละน้อย ผู้รู้แต่ก่อนก็มักปกปิดไม่เปิดเผยเพราะเกรงจะมีผู้เอาไปทำแล้วเกิดบาปแก่ตัวเอง แต่จากที่มีบันทึกไว้ในสมุดข่อยตกทอดมาถึงปัจจุบันพบว่า มีวิธีการทำหลายวิธี วิธีหนึ่งคือนำ ลูกสวาดมาล้วงเอาไส้ข้างในออก แล้วให้ผู้กระทำลงไปอาบน้ำในอ่าง ขัดสีร่างกายให้ทั่ว แล้วรอให้น้ำตกตะกอน จากนั้นจึงรินน้ำออกช้อนเอาแต่ตะกอนคราบไคลในตัวมาจำนวนหนึ่งผสมกับชะมด พิมเสนและของหอม ยัดใส่ในลูกสวาดนั้นแล้วปิดผนึกด้วยขี้ผึ้ง แล้วจึงกลืนเข้าไปในท้อง เมื่อจะถ่ายอุจจาระให้คอยดูเมื่อถ่ายออกมาได้แล้วจึงนำลูกสวาดนั้นมาชำระล้างแล้วเอาเผาไฟให้ไหม้ เสกด้วยคาถาแล้วใส่ให้ผู้ที่เราปรารถนากินเข้าไปจะรักเราจนวันตาย ตัวยาที่ใช้ทำยาแฝดมีหลายอย่าง บางตำรับให้ใช้ลูกลำโพงบ้าง หรือไคลกลางใจมือใจเท้าทั้งสองข้าง เลือดจากหน้าอก ไปจนถึงเถ้ากระดูกผีพราย ส่วนผสมเหล่านี้ทำยาแล้วเสกด้วยคาถาเอาใส่ให้กิน เรียกว่ายาแฝด ทำให้ลุ่มหลงมัวเมาอย่างถอนตัวไม่ขึ้นวิธีที่ 2

อีกวิธีหนึ่ง โบราณว่าให้เอาตะไคร่จากสีมาหน้าพระอุโบสถ ตะไคร่จากเสาตะลุงช้าง (หมายถึงเสาหลักที่เขาผูกช้างเอาไว้เสมอ) และขี้เหงื่อขี้ไคลจากตัวเราที่ขัดตอนอาบน้ำ เอาส่วนผสมเท่า ๆ กันมาผสมเข้าด้วยกัน แล้วใส่ในเมล็ดสวาด เมล็ดสวาดนี้ให้เจาะเป็นรูเล็ก ๆ แล้วล้วงเอาไส้ในออก เมื่อบรรจุเข้าไปแล้วอุดด้วยขี้ผึ้ง จากนั้นให้กลืนเข้าไปในท้อง รอจนถ่ายอุจจาระให้หาดูเพราะเมล็ดสวาทจะไม่ย่อยสลาย จากนั้นเอามาล้างน้ำให้สะอาดแล้วเผาไฟให้เป็นถ่าน บดเป็นผงละเอียด แล้วเสกด้วยมนต์คาถา โอมจิตคิดถึงลำโพง กูจะเสกให้ช้างกินช้างก็ลืมโขลง กูจะเสกให้โขลงกินโขลงก็ลืมไพร (เอ่ยชื่อคนที่เรารัก) อยู่มิได้ร้องไห้มาหากู โอมสวาหะ เสกให้ได้ครบ 3 วันเสาร์แล้วเอาผสมอาหารให้กิน คนผู้นั้นจะรักและหลงอย่างถอนตัวไม่ขึ้น

วิธีที่ 3

ใช้ลูกลำโพงกาสลัก ซึ่งเป็นพืชชนิดหนึ่ง มีเคล็ดว่าเมื่อเด็ดลูกมาแล้วให้รีบหันกลับไปจากที่นั้น ห้ามหันหลังไปดูโดยเด็ดขาด เอาลูกลำโพงมาผสมกับขี้ไคลในตัวเรา เช่น ไคลจากใจมือใจเท้าทั้งสองข้าง ไคลจากที่ลับ เป็นต้น บดผสมกันแล้วเสกด้วยคาถา โอมพญาลำโพง ช้างกินลืมโรง โขลงกินก็ลืมไพร สาวแก่แม่หม้าย บุรุษผู้ใดกินเข้าไป ให้ร้องไห้มิพักอัดแอ ลืมพ่อลืมแม่ ปู่เจ้าเขาเขียวปู่เจ้าสมิงไพร ให้ไว้แก่กู สิทธิสวาหะ แล้วลอบใส่ในอาหารหรือในน้ำให้กิน ตำราว่าใครกินเข้าไปรักเราจนวันตาย ถ้าให้รักทั้งเรือนเอายาใส่ลงในตุ่มน้ำให้กินรักทั้งเรือน ตัวยาที่ใช้มีหลายชนิดที่แตกต่างกันออกไป บางทีให้ใส่เลือดในหัวอกหรือท้องน่องของผู้กระทำลงไปด้วยเล็กน้อย เพื่อเป็นเคล็ดว่าเรารักเขาเสมือนเลือดในหัวอก บางตำราให้ผสมผงกระดูกจากศพที่ตายวันเสาร์เผาวันอังคารลงไปด้วยก็มี

วิธีที่ 4

อีกอย่างเรียกว่า หงส์ร่อนมังกรรำ เป็นวิธีที่ผู้หญิงจะใช้กับผู้ชายโดยเฉพาะ วิธีนี้คือการเอาอาหารที่เขาจะรับประทาน ตอนยังร้อน ๆ อยู่ เอาใส่ไว้ใต้หว่างขา โบราณให้ปลดโจงกระเบนยกขึ้นอังไว้ให้พออากาศผ่าน เมื่อไอร้อนโดนความเย็นด้านในก็จะกลั่นตัวเป็นหยดน้ำลงในหม้อ ทำอาการอย่างนี้เรียกว่าหงส์ร่อนมังกรรำ แล้วเอาให้รับประทาน ผู้ชายจะหลงจนโงหัวไม่ขึ้น นอกจากนี้ยังมีวิธีอย่างอื่นอีก

ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้น

การทำเสน่ห์ด้วยยาแฝดนี้ ทำให้รักหลงได้แต่โบราณก็ว่า มีผลข้างเคียงกับผู้ถูกกระทำ กล่าวคือ ในเบื้องต้น ผู้ถูกยาแฝดจะมีใบหน้าขาวซีด ขอบตาคล้ำปราศจากสง่าราศี หรือใบหน้าเป็นฝ้า มีอาการบ่นเพ้อหาโดยไม่ทราบสาเหตุ บางคนอาจถึงคลุ้มคลั่งมีอาการเหมือนวิกลจริต นานวันยิ่งอาการหนักขึ้นจนอาจถึงเสียสติ โบราณจึงห้ามนักหนาว่าไม่ควรทำเพราะเป็นบาปแก่ตัวมาก

วิธีแก้

คนถูกเสน่ห์ยาแฝด ให้กินน้ำใต้ท้องเรือจ้าง 7 ลำจึงหาย อันนี้ไม่ทราบเป็นข้อเท็จจริงหรือเพียงคำเปรียบเปรยของคนยุคก่อน แต่โดยมากในทางไสยศาสตร์มักแก้โดยการรดน้ำมนตร์ธรณีสาร น้ำมนตร์โองการพระมหาเถรตำแย หรือทำน้ำมนตร์ด้วยคาถาถอนโบสถ์ถอนสีมา ฯลฯ อาบตัวผู้นั้นตลอดจนให้กินเข้าไป หากอาการหนักอาจมียาหม้อสมุนไพรที่เสกด้วยคุณพระประกอบให้ต้มกินจนกว่าจะหาย คนสมัยก่อนเมื่อไปบ้านหญิงหรือไปต่างถิ่นต่างแดน มักระวังตัวเรื่องยาแฝดหรือยาสั่ง จึงมักมีคาถาปัองกันตัว คาถาที่ใช้ป้องกันคือ สมุหเนยฺย สมุหนติ สมุหคโต สีมาคตํ พทฺธเสมายํ สมุหนิพตพฺโพ เอวํ เอหิ นะเคลื่อน โมถอน พุทคลอน ธาเคลื่อน ยะเลื่อนหลุดหาย คาถานี้ถ้าสงสัยว่าอาหารมียาแฝดหรือยาสั่งใด ๆ ให้เสกถอนด้วยคาถาดังกล่าว ก็จะเสื่อมคลายสิ้นไป ปัจจุบันความเชื่อเหล่านี้คงเหลืออยู่น้อยมาก

ต้นไม้ที่ไม่ควรปลูกในบ้าน


สำหรับต้นไม้ที่ไม่ควรปลูกในบ้าน

มีดังนี้

กระทุ่ม : ชื่อมีความหมายถึงทุ่ม หรือขว้างปา

กล้วยตานี : ถือว่ามีนางตานี ปีศาจร้ายอาศัยอยู่ ไม่นิยมปลูกในบ้าน

ดอกชบา : ในอินเดียตอนใต้ใช้ดอกชบาร้อยเป็นพวงมาลัย สวมคอนักโทษที่กำลังจะถูกประหารชีวิต จึงเชื่อว่าเป็นดอกไม้อัปมงคล



ชวนชม : เป็นไม้ประดับสวยงาม ที่มีความหมายในทางชักชวนให้เชยชม บ้านที่มีลูกสาวจะไม่ยอมปลูกต้นไม้ชนิดนี้เด็ดขาด

ตะเคียน : เป็นไม้ยืนต้นที่เชื่อกันว่า มีผีนางไม้สิงอยู่

เต่าร้าง : ชื่อออกไปในทางหย่าร้าง

ต้นสน : เชื่อว่าถ้าปลูกแล้วจะขัดสนไปตลอดชีวิต

ต้นรัก : เพราะเชื่อว่า จะทำให้ความรักยุ่งยากขึ้น และกลายเป็นคนมากรัก นอกจากนี้ ยางของต้นรัก ยังเป็นอันตรายต่อผิวหนังด้วย

ต้นระกำ : ถือว่าชื่อต้นระกำนั้น ไม่เป็นมงคลตั้งแต่โบราณมา จึงเชื่อกันว่า หากปลูกต้นระกำไว้ในบ้าน จะทำให้ได้รับความชอกช้ำ ระกำใจ อยู่ตลอดเวลา

ต้นซ่อนกลิ่น : มีอีกชื่อว่า ต้นซ่อนชู้ เป็นไม้ที่ไม่มงคลตามชื่อ ซึ่งหากนำมาปลูกในบ้าน จะทำให้ความรักความสัมพันธ์กับคนในครอบครัวเกิดปัญหากันขึ้น

ต้นมะระ : เป็นไม้เลื้อยก็ไม่ปลูกในบ้านเหมือนกัน

ถั่วแปบ : มีความหมายว่า กะปอบ กะแปบ แปลว่า กระปริดกะปรอย คือ ค่อนข้างขัดข้อง ไม่ได้สะดวก

นางแย้มป่า : คนโบราณเชื่อว่าเป็นต้นไม้ผีสิง วันดีคืนดีจะกลายเป็นผีเอาก้อนอิฐขว้างปาบ้าน

น้ำเต้า : เป็นไม้เถา รูปร่างคล้ายนมสตรี คนมีวิชาคาถาอาคม ห้ามกิน และห้ามลอดร้านน้ำเต้า

ไผ่ : บางท้องถิ่นถือว่า ต้องให้ผู้สูงอายุปลูกถึงจะดี หนุ่มสาวห้ามปลูก เพราะถือกันว่าลำต้นไผ่ใช้เป็นคานสำหรับหามโลงหรือผีไปฝังในป่าช้า

ต้นโพธิ์ ต้นไทร ต้นมะขาม และต้นตาล :  เป็นไม้ใหญ่ ไม่นิยมปลูกใกล้บ้านหรือในรั้วบ้าน เชื่อว่ามีวิญญาณอาศัยอยู่         พุดตาน : เนื่องจากดอกพุดตานเปลี่ยนสีได้ตลอดวัน จากขาวเป็นชมพูอ่อน และเข้มขึ้นในตอนบ่าย ทำให้เจ้าของเป็นคนสับปลับ

เพกา : เป็นของต้องห้าม ฝักมีปลายแหลมเหมือนคมหอก ดาบ ตรีศูลหรือนพศูลที่อยู่บนยอดปรางค์ บางทีก็เรียกว่า ฝักเพกา

ปรง : ภาคกลางไม่นิยมปลูกในบ้าน เพราะถือกันว่า ใบของมันมักถูกนำมาใช้ประกอบหีบศพหรือทำพวงหรีด

มะละกอ :  ชื่อคล้าย มร หรือ มะระ แปลว่า ตาย เอามาปลูกไว้ในรั้วบ้าน จะทำให้ฉิบหายวายวอด มักนิยมปลูกนอกรั้วบ้าน หรือในสวนไกลออกไป

 มะตูม : ปลูกในรั้วบ้านอาจเกิดอุบัติเหตุ เกิดอัคคีไฟตูมตามแน่

มะขามเทศ กับหวาย : เป็นไม้มีหนามซึ่งถือกันว่าเป็นสิ่งที่จะทำให้เกิดอุปสรรคต่าง ๆ

 มะพูด : เป็นต้นไม้ใหญ่เหมือนกัน มีอาถรรพ์บางอย่าง

มะเฟือง : ท่านว่าไม่ดี คนมีวิชาอาคม หรือถูกลงยันต์ห้ามลอดกิ่งมะเฟือง

มะรุม : ผู้คนจะมารุมข่มเหงเอา

 มะกอก : เชื่อว่าจะทำให้เจ้าของบ้านกลายเป็นคนกลับกลอก เชื่อถือไม่ได้

รักเร่ : ใครปลูกจะเป็นคนหลายใจ เร่ขายรัก

ดอกลีลาวดี หรือดอกลั่นทม : ปลูกไว้ในบ้านไม่ดี มีสุขจะกลายเป็นทุกข์ คู่ครองจะห่างเหิน จะมีแต่ความทุกข์ นานาประการ  คำว่า ลั่นทม ออกเสียงคล้ายระทม อันแปลว่าความทุกข์ แต่ภาคเหนือ เรียกลั่นทมว่า "จำปาลาว" ทางภาคอีสานเรียกว่า "จำปา" ไม่มีความหมายของความทุกข์จึงไม่ถือกัน

หลุ่ย : ต้นไม้ประเภทนี้มีฝัก มักขึ้นในดินแดนใกล้ทะเล เอามาปลูกในบ้าน จะทำให้หลุดลุ่ย บ้านจะเป็นความ ต้องรื้อถอน ต้องขายโยกย้ายกระจายไป

หลิว : คนจีนไม่นิยมปลูกในบ้านเพราะใบหลิวลู่ย้อยลงมา เป็นสัญลักษณ์คล้ายคนโศกเศร้า เห็นเข้าทำให้อารมณ์เศร้าซึม เขาว่าบ้านใดมีลูกสาวและปลูกต้นหลิวไว้ในบ้านด้วย ลูกสาวบ้านนั้นจะไม่มีใครมาสู่ขอและต้องเป็นสาวแก่ทึนทึกไปจนตาย

โศก : โบราณว่าหมายถึงความโศกเศร้า

สลัดได : ไม่นิยมปลูกในรั้วบ้านเช่นกัน เพราะหมายถึง การสลัดโชคลาภออกไปจากบ้าน

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น การปลูกต้นไม้แต่ละชนิดก็ขึ้นอยู่กับความสบายใจของเจ้าของบ้าน เพราะบางทีความเชื่อที่สืบทอดต่อกันมาอาจจะเป็นกลอุบาย ที่มีแง่คิด หรือคำเตือน แอบแฝงอยู่  เช่น โบราณว่าไว้ว่าห้ามปลูกต้นไม้จำพวกต้นไม้ใหญ่ที่ระหลังคา นั้นก็เป็นเพราะว่า เมื่อต้นไม้ดังกล่าวแผ่กิ่งกระจายไป ต้นไม้เหล่านั้นอาจจะเป็นทางเดินให้กับขโมย หรือเป็นเพราะต้นไม้กิ่งใหญ่อาจจะทำให้หลังคาเกิดความเสียหายก็เป็นได้นะคะ... แต่จะว่าไปการปลูกต้นไม้ ไม่ว่าชนิดไหน ๆ ก็ให้ประโยชน์แก่สิ่งมีชีวิต และเป็นประโยชน์ต่อระบบนิเวศอย่างแน่นอนล่ะค่ะ ที่สำคัญยังทำให้บ้านเราน่าอยู่


16/6/59

เงินไหลมา


เงินไหลมา


ชื่อวิทยาศาสตร์ Syngonium podophyllum
วงศ์ ARACEAE
ถิ่นกำเนิด อเมริกากลาง
แสงแดด กึ่งแดดถึงแดดจัด
อุณหภูมิ 16–24 องศาเซลเซียส
ความชื้น ต้องการความชื้นสูง น้ำ ต้องการน้ำมาก
การดูแล เป็นพรรณไม้ที่ชอบแสงแดด หากปลูกภายในอาคารควรให้มีแสงแดดส่องถึงหรือนำออกมาตั้งให้โดนแดดเป็นครั้งคราว เป็นพืชที่ต้องการน้ำมาก และต้องการอากาศที่มีความชื้นสูง ควรใช้ผ้าหมาดๆ เช็ดใบเพื่อกำจัดฝุ่นและเพิ่มความชื้นให้แก่ใบเป็นประจำ
การปลูก ใช้ปุ๋ยคอก แกลบ ขุยมะพร้าว ดินร่วน อย่างละหนึ่งส่วนผสมดินปลูก เมื่อปลูกแล้วให้ใช้ไม้หลักที่หุ้มด้วยกาบมะพร้าวปักไว้ตรงกลางกระถางเพื่อเป็นที่ยึดเกาะของราก ให้ปุ๋ยสม่ำเสมอและควรเปลี่ยนกระถางเมื่อมีอายุประมาณ 2-3 ปี
การขยายพันธุ์ วิธีปักชำยอดหรือลำต้น
อัตราการคายความชื้น มาก อัตราการดูดสารพิษ ปานกลางถึงน้อย
เงินไหลมาเป็นพรรณไม้เลื้อยที่มีเถายาว มีลำต้นกลมสีเขียว ผิวลำต้นเกลี้ยง มีข้อห่างๆ รากออกตามข้อลำต้น แต่ละข้อจะมีกาบใบหุ้มอยู่ ใบเป็นใบเดี่ยวออกตามข้อสลับกัน ก้านใบยาวประมาณ 10-15 เซนติเมตร ใบมีลักษณะคล้ายใบบอน ปลายใบแหลมโคนใบเว้าลึก หูใบยาว พื้นใบมีสีเขียวและมีสีเหลืองปนอยู่ที่บริเวณเส้นใบเล็กน้อย ดอกออกตรงส่วนยอดลักษณะดอกคล้ายกับดอกของบอน เงินไหลมาควรปลูกในที่ร่มที่มีแสงส่องถึง ต้องการน้ำมากและความชื้นสูง เป็นไม้ประดับที่มีความสามารถในการดูดสารพิษภายในอาคารได้พอสมควร แต่อัตราการคายความชื้นสูงจึงช่วยสร้างความสดชื่นให้แก่อากาศภายในอาคารบ้านเรือน

15/6/59

อานุภาพแห่งว่านมงคล 108 ชนิด


อานุภาพแห่งว่านมงคล 108 ชนิด
ตามตำราโบราณ

1.ว่านตระกูลกวัก  ซึ่งบันทึกไว้ในตำราสมุดข่อยโบราณ กล่าวไว้ว่ามีอานุภาพทางด้านโชคลาภ เมตตามหานิยม ดีทางโภคทรัพย์ เป็นสิริมงคลต่อผู้ครอบครอง ประกอบด้วย ว่านกวักพระพุทธเจ้าหลวง ว่านกวักนางพญาใหญ่ ว่านกวักนางพญาเล็ก หรือ ว่านกวักนางพญามหาเศรษฐี ว่านกวักมาคาวดี หรือ ว่านมหาโชค ว่านกวักหงสาวดี ว่านกวักแม่จันทร์ ว่านกวักโพธิ์เงิน ว่านกวักทองใบ ว่านกวักเงิน กวักทอง ว่านกวักเศรษฐีพญาบดินทร์ ว่านกวักนางพญาเผือก โดยเฉพาะว่านกวักนางพญา ถือกันว่า เป็นว่าน ที่มีตระกูลสูงส่งผลทางด้านอำนาจราชศักดิ์ เรียกอีกอย่างว่า ว่านทรงยศ ทรงเกียรติ เป็นสง่าราศีแก่ผู้พบเห็น

2.ว่านตระกูลเสน่ห์จันทร์  ประกอบด้วย เสน่ห์จันทร์มหาโพธิ์ เสน่ห์จันทร์ขาว เสน่ห์จันทร์แดง เสน่ห์จันทร์เขียว เสน่ห์จันทร์หอม เสน่ห์จันทร์ทอง อานุภาพของว่านตระกูลเสน่ห์จันทร์ จะเด่นทางด้านเสน่ห์เมตตามหานิยม เป็นที่รักเมตตาแก่ผู้พบเห็น โบราณใช้ทำนางกวัก ค้าขายดี มีโชคลาภ

3.ว่านตระกูลเศรษฐี เป็นว่านที่บ่งบอกในตัวเอง อานุภาพให้คุณทางด้านลาภผล เงินทอง โบราณกล่าวว่า ผู้ใดได้ครอบครอง จะเจริญด้วยฐานะ บริบูรณ์ ด้วย โภคทรัพย์ ข้าทาสบริวาร จัดเป็นตระกูลว่านที่นิยม อย่างยิ่ง โบราณมักจะนำมาปลูกในกระถางที่มีค่า เช่น กระถางลายคราม  ดังนั้น จึงเป็นว่านตระกูลสูงอีกประเภทหนึ่งมีดังนี้ ว่านเศรษฐีเรือนนอก ว่านเศรษฐีเรือนใน ว่านเศรษฐีขอด (กอบ ทรัพย์) ว่านเศรษฐีด่าง ว่านเศรษฐีมงคล ว่านมหาเศรษฐี ว่านเศรษฐีจีน ว่านเศรษฐีญวน ว่านเศรษฐีแขก ว่านเศรษฐีใบพาย ว่านเศรษฐีใบโพธิ์ ว่านเศรษฐีเรือนใหญ่ ว่านเศรษฐีเรือนแก้ว

4.ว่านโกเมน อานุภาพทางด้านเมตตามหานิยม มีโชคลาภ

5.ว่านหม่องเล ว่านนี้ตามตำราพม่ากล่าวว่า มีอานุภาพ เรียกเงินเรียกทองเข้าบ้าน เรียกมิตรมาหาร้านค้าขาย ควรมีว่านชนิดนี้ไว้ครอบครอง

6.ว่านไก่กุก อานุภาพทางเสน่ห์เมตตานิยม ซึ่งว่านนี้สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) แห่งวัดระฆังโฆสิตาราม ผู้สร้างพระสมเด็จอันลือชื่อก็ได้ใช้ว่านนี้เป็นส่วนผสมในพระสมเด็จวัดระฆังที่ท่านสร้างด้วย

7.ว่านไก่ฟ้าพญาแล อานุภาพทางด้านเมตตามหานิยม

8.ว่านกำแพงเจ็ดชั้น  มีอานุภาพทางด้านคุ้มครอง ป้องกันภัย กันและแก้ คุณไสยภูตผีปีศาจ สิ่งอัปมงคลทั้งปวงไม่ให้กล้ำกราย

9.ว่านกระแจะจันทร์หงสา มีอานุภาพทางเสน่ห์เมตตา นิยม เป็นที่รัก เมตตาแก่ผู้พบเห็น

10.ว่านคุ้มรจนา มีอานุภาพคุ้มครองปกป้องเคหสถาน บ้านเรือนให้อยู่ร่มเย็นเป็นสุข

11.ว่านเครือสาวหลง เป็นว่านพิเศษที่มีลักษณะฝอยๆ ไม่มีลำต้น ไม่มีใบ จะเกาะอยู่ตามต้นไม้ขนาดใหญ่ในป่าลึก มีกลิ่นหอมตลอดเวลา มีอานุภาพทางด้านเมตตามหานิยมสูงมาก ซึ่งว่านนี้พระเทพรัตนกวี เจ้าอาวาสวัดพระศรีรัตนมหาธาตุได้ให้พวกที่หาของป่า และนำมาวางขายในวัดช่วงงานประจำปี ไปหามาจากป่าลึกทางภาคเหนือ

12.ว่านเงินไหลมา มีอานุภาพเรียกเงินทองให้เข้ามาสู่เคหะสถาน บ้านเรือน ทั้งยังคุ้มครองปกป้อง เป็นว่านนิยมมากของคนไทย

13.ว่านเงาะถอดรูป มีอิทธิฤทธิ์เมตตามหานิยม เป็นที่รักเมตตาแก่ผู้พบเห็น ดีทางค้าขาย ประดุจเงาะถอดรูป ใครเห็นใครก็รัก แล้วยังมีอานุภาพเรียกลูกค้าเข้ามาสู่ร้านค้าอีกด้วย

14.ว่านช้างพลาย มีอานุภาพทางเมตตามหานิยม เป็นสง่าราศี ขับเสนียดจัญไร ศัตรูหมู่มาร เป็นเดชอำนาจบารมี

15.ว่านช้างดำ มีอานุภาพทางคุ้มครองป้องกัน เสมือนเกราะแก้ว คุ้มกัน และ ป้องกันไฟเวทย์มนต์คาถาทำอันตรายไม่ได้

16.ว่านญาณรังษี มีอานุภาพประดุจพทุธานุภาพแห่งพระพุทธองค์ หัวว่านนี้ มีลักษณะชั้นๆ 3 ชั้น คล้ายพระพุทธรูปประทับนั่งบนรัตนบัลลังก์

17.ว่านถุงเงินถุงทอง มีอานุภาพทางด้านโภคทรัพย์ ประดุจถุงเงินถุงทอง ในเคหะสถานบ้านเรือนดีทางโชคลาภ และป้องกันคุณไสยต่างๆ

18.ว่านทองไหลมา เป็นว่านมงคลคู่กัยว่านเงินไหลมา อานุภาพให้ผู้ครอบครองมีโชคลาภอยู่เป็นนิจ

19.ว่านเทพรำพึง เป็นเอกทางด้านเมตตามหานิยม เป็นสิริมงคลแก่ผู้ครอบครอง

20.ว่านธรรมรักษา เป็นว่านสิริมงคล โน้มน้าวให้ประพฤติปฏิบัติ อยู่ในศีลธรรม ป้งอกันภัยพิบัติ

21.ว่านนางพญาหงษ์ทอง เป็นว่านทางเมตตามหานิยม เจรจาสิ่งใดจะเป็นที่พอใจถูกอัธยาศัยกับผู้ที่พบเห็น

22.ว่านนพมาศ เป็นว่านเก่าแก่ครั้งกรุงสุโขทัย มีอานุภาพป้องกันเสนียจัญไร คุ้มครองป้องกันภัยพิบัติ เป็นสิริมงคล พร้อมพรั่งทางด้านเมตตานิยม เป็นสง่าราศี

23.ว่านนเรศวร เป็นว่านที่ทรงอานุภาพ ด้านมหาอำนาจ ตบะเดชะ เป็นที่ยำเกรงต่อศัตรู หมู่มาร และ คุ้มครองปกป้องเป็นเลิศ

24.ว่านน้ำเต้าทอง เด่นทางเมตตา โชคลาภ ทั้งยังมีคุณทางด้านอยู่ยงคงกระพัน

25.ว่านปัดตลอด อานุภาพทางด้านแคล้วคลาด ปราศจากอุปสรรค

26.ว่านปัญจเศวตร มีอานุภาพด้านคุ้มครอง ปกป้องเป็นตบะบารมี

27.ว่านประกายเพชร ดีทางโชคลาภ เป็นเสน่ห์มหานิยม เจริญด้วยโภคทรัพย์

28.ว่านพญาหัวเสือ เด่นทางด้านอำนาจราชศักดิ์ เป็นตบะเดชะ นะจังงัง และ คงกระพันชาตรี

29.ว่านพญากาเผือก เป็นว่านที่ดีทางเรียกโชค เรียกลาภ เด่านเป็นสง่า คือ เมตตาหานิยม

30.ว่านเพชรกลับดำ อานุภาพเด่นทางแคล้วคลาด ปกป้องจากสิ่งอัปมงคล ไปที่ใดปราศจากอันตราย และกลับถึงเคหะสถานได้เป็นอัศจรรย์

31.ว่านเพชรหลีก ดีทางแคล้วคลาดจากภยันตราย ศาตราวุธ ทั้งปวง

32.ว่านมหาอุตม์ มีอานุภาพทางด้านคงกระพันชาตรี เป็นว่านเก่าโบราณ

33.ว่านมหาหงษ์แดง เป็นว่านที่มีสิริมงคล คนโบราณมักพกพากับตัวเวลาเข้าหาเจ้านาย ว่ากันว่าเป็นเสน่ห์มหานิยมยิ่งนัก

34.ว่านมงคลชัย เป็นว่านที่มีสิริมงคลตามชื่อว่าน ศัตรูหมู่มารมิอยากเข้าใกล้ ก็ด้วยอานุภาพแห่งชัยมงคลของว่านนี้

35.ว่านวาสนาทางลาย เด่นทางโชคลาภวาสนา เจริญด้วยความสมบูรณ์พูนสุข

36.ว่านแววมยุรา เป็นว่านที่มีสรรพคุณทางเมตตามหานิยม นำโชคลาภเป็นสิริมงคลแก่บ้านเรือนผู้ครอบครอง

37.ว่านสาริกาลิ้นทอง มีอานุภาพทางเมตตามหานิยมโบราณใช้โขลกตำผสมกับสีผึ้งทาปาก เพื่อไปติดต่อเจรจาค้าขาย จะเป็นที่เมตตาและสำเร็จตามปรารถนา

38.ว่านกระทู้เจ็ดแบก เป็นว่านเด่นทางคงกระพันชาตรี นักรบโบราณมักใช้ว่านนี้ในการรพทัพจับศึก

39.ว่านกำบัง มีอานุภาพป้องกันสรรพภัย คุณไสยเวทย์วิทยาคมที่ประสงค์ร้าย และ แคล้วคลาดปราศจากเหตุร้าย

40.ว่านกงจักรพระอินทร์ เป็นว่านดีทางอยู่ยงคงกระพัน เมตตามหานิยมเป็นอำนาจป้องปราบ ข้าศึกศัตรู

41.ว่านขมิ้นขาวปัดตลอด ว่านนี้อยู่ที่ใดก็นำความเจริญ มาสู่ที่นั่น ทั้งยังนำโชคลาภความเจริญ ความมีเมตตามหานิยม และความร่มเย็นเป็นสุขมั่งคั่ง สมบูรณ์พูนผล เจริญในหน้าที่การงาน ว่านนี้พระอาจารย์นอง วัดทรายขาว พระเกจิอาจารย์ ผู้สร้างพระหลวงพ่อทวดเนื้อว่าน อันโด่งดัง กล่าวไว้ว่า ว่านนี่เป็น ?พญาว่าน? มีอานุภาพมาก ท่านเคยนำไปสร้างพระหลวงพ่อทวด เนื้อขมิ้นขาว ปัจจุบันองค์ละหลายหมื่นบาท

42.ว่านค้ำคูณ เป็นว่านดีทางเมตตามหานิยมแก่เคหสถาน บ้านเรือน ค้ำจุนชะตาชีวิต เพิ่มพูนพลัง

43.ว่านเพรชหน้าทั่ง เป็นว่านเสน่ห์มหานิยมและคงกระพันชาตรี

44.จ่าว่าน เป็นว่านอานุภาพสูง มีสรรพคุณคุมกำลังว่านต่างๆ ให้ทรงด้วยอานุภาพ ป้องกันเสนียดจัญไร พิษร้ายต่างๆ

45.ว่านจังงัง เป็นเมตตามหานิยม  เป็นที่รักใคร่เมตตาแก่ศัตรูหมู่มารทำให้ไม่กล้าคิดร้าย อำนาจของว่านจะทำให้ศัตรูเกิดจังงัง

46.ว่านดาบหลวง เป็นว่านที่มีอำนาจป้องกันฟ้าผ่า ป้องกันอันตรายแคล้วคลาดเป็นเยี่ยม เป็นตบะเดชะและเสน่ห์ มหานิยมแก่ผู้พบเห็น
47.ว่านฤษี ดีทางเสน่ห์มหานิยมยอดเยี่ยม เข้าหาเจ้านายดียิ่งนัก

48.ว่านถอนโมกขศักดิ์ ใช้ดีทางด้านแก้ถอนคุณไสย ยาเบื่อเมาทุกประเภท

49.ว่านเถาวัลย์หลง ดีทางเจรจาพาที เป็นที่เมตตามหานิยม กลับจากโกรธเป็นรักเมตตา เปลี่ยนร้ายให้กลายเป็นดี

50.ว่านเทพรัญจวน ให้ในทางเมตตามหานิยม เป็นที่รัก เมตตาต่อผู้พบเห็น

51.ว่านนางล้อม เป็นว่านมหามงคล ป้องกันสรรพสัตว์ทั้งปวง และศัตรูหมู่มาร เมื่อเกิดเรื่องราวใด จะได้รับชัยชนะเสมอ52.ว่านนางคุ้ม ป้องกันไฟ และคุ้มกันภยันตรายต่างๆ โบราณกล่าวว่า ว่านนางคุ้มมีไว้คุ้มครองบ้านเรือน เสมือนมีเกราะเพชรไว้ป้องกันภัยถึง 7 ชั้น

53.ว่านปลาไหลม่วง เป็นว่านแก้คุณไสย ลมเพลมพัด กันอัปมงคลต่างๆ

54.ว่านเพ็ชรนารายณ์ เป็นว่านตระกูลสูง มีอำนาจตบะเดชะ เพิ่มพูนบารมีและเจริญด้วยยศถาบรรดาศักดิ์

55.ว่านเพ็ชรกลับ ว่านนี้มีอานุภาพอยู่ยงคงกระพัน เป็นว่านป้องกันการถูกคุณไสยและแก้อาถรรพ์ ป้องกันอุบัติเหตุ เป็นมงคลแก้วคุ้มครองป้องกันทั้งไปและกลับ ปราศจากอันตราย

56.ว่านพัดโบก เป็นว่านมหามงคลสูงพร้อมด้วยเมตตา มหานิยม โบราณว่าว่านนี้อยู่บ้านใดจะได้ลาภมหาศาล นำความร่มเย็นเป็นสุขมาสู่บ้านเรือน

57.ว่านไพรปลุกเสก อานุภาพเกิดลาภผล ความอุดมสมบูรณ์พูนสุขเจริญรุ่งเรือง ทั้งยังแก้คุณไสย ขับภูติ ผี ปีศาจ

58.ว่านพุทธกัวก ว่านนี้ดีทางเมตตาและทางการค้า เป็นสิริมงคลแก่สถานที่และผู้ครอบครอง

59.ว่านนางพญาห้าร้อย มีสรรพคุณทางเสน่ห์เมตตามหานิยม เป็นที่ชื่นชอบในหมู่ชน

60.ว่านพญาจงอาง อานุภาพด้านกันงูและสัตว์มีพิษ ตลอดจนสรรพภัยทุกชนิดไม่ให้กล้ำกลาย

61.ว่านพระฉิม เป็นสิริมงคล อุดมด้วยโภคทรัพย์และคงกระพันชาตรี

62.ว่านพะตะบะ ใช้กันภูติ ผี ปีศาจ มีอานภาพสูงมาก วิญญาณต่างๆ จะไม่เข้าใกล้ แต่เทพยดาอารักษ์จะรู้จักว่านชนิดนี้ดี

63.ว่านพรายแก้ว เป็นว่านคงกระพันชาตรี เป็นเสน่ห์มหานิยมสำหรับร้านค้าขาย

64.ว่านมหานิยม ตรงตามชื่อ เป็นเมตตามหานิยม สิริมงคล ต่อผู้ครอบครอง 

65.ว่านแม่ทัพ มีอานุภาพทางคงกระพันชาตรี เพิ่มพูนตบะเดชะ อำนาจบารมี

66.ว่านมหาเมฆ เป็นว่านนิยมมาตั้งแต่โบราณ ดีทางคลกระพันชาตรี เป็นตบะเดชะ

67.ว่านมหาปราบ สรรพคุณดีทางฤทธิ์และอำนาจ อยู่ยงคงกระพัน ป้องกัน ภูติ ผี ปีศาจ ได้ดียิ่งนัก

68.ว่านมรกต ดีทางคงกระพันชาตรี เป็นตบะเดชะ

69.ว่านมหาเสน่ห์ อานุภาพดีทางเสน่ห์มหานิยม เป็นว่านมีอานุภาพชั้นสูง ดึงดูดจิตใจผู้คนใช้ทางค้าขาย มีสรรพคุณเป็นเลิศ

70.ว่านมหาอุดม เป็นว่านมหานิยมสูงมาก เป็นที่รักใคร่ เมตตาแก่ผู้ที่พบเห็น

71.ว่านมหาจักรพรรดิ ใช้ดีทางเมตตามหานิยม มีอิทธิฤทธิ์ทางคุ้มครองเคหสถานบ้านเรือน ป้องกันเสนียดจัญไร อีกชื่อคือ ว่านอรหันต์แปดทิศ

72.ว่านมหากวัก อานุภาพสิริมงคล ส่งเสริมกิจการธุรกิจการค้าและเจริญก้าวหน้า เข้าเจรจากับผู้ใหญ่เป็นที่รักของผู้คนโบราณเอาว่านนี้ แช่น้ำมนต์ประพรมร้านค้า จะค้าขายดีมาก

73.ว่านรางจืดเถา มีอานุภาพทางถอนพิษ ถอนยาสั่งโบราณว่าว่านนี้มีค่า 5,000 ตำลึงทอง ดังนั้นต้องเป็นว่านที่ไม่ธรรมดา

74.ว่านภควัมบดี มีอานุภาพเป็นศรีสง่า สิริมงคลนำโชคลาภบันดาลให้เจริญด้วยโภคทรัพย์ มีความอุดมสมบูรณ์และอยู่เย็นเป็นสุข

75.ว่านศรนารายณ์ มีอานุภาพทางคงกระพันชาตรี และเมตตามหามงคล

76.ว่านสามพันตึง มีอานุภาพทางอยู่ยงคงกระพันชาตรี ต่อศัตราวุธทั้งปวง

77.ว่านสามกษัตริย์ เป็นเมตตามหานิยมรักใคร่และความเจริญรุ่งเรือง

78.ว่านสาวหลง เป็นว่านที่ทรงคุณค่าทางด้านเมตตามหานิยมอย่างสูงสุด โบราณกล่าวว่า ว่านนี้ไม่เป็นเสนียดจัญไร มีอานุภาพสูงล้ำเกิดเสน่ห์เมตตาเจรจากับใครไม่มีรังเกียจ ทั้งยังเป็นว่านที่ดีทางโภคทรัพย์พกไว้ เงินจะไม่ขาดกระเป๋า  

79.ว่านเหล็กไหล ดีทางด้านคงกระพันชาตรี มีตบะเดชะ

80.ว่านพัดแม่ชี มีอานุภาพสูงทางด้านปัดเป่าสิ่งอัปมงคล ป้องกันอำนาจคุณไสย และผู้ที่คิดร้าย ว่านี้ใช้ถอนคุณไสยได้

81.ว่านอุมาวดี มีอานุภาพบันดาลให้ประสบโชคลาภ ความร่มเย็นเป็นสุข

82.ว่านกวักพระพรหม เป็นว่านที่มีอานุภาพสูง นำโชคลาภความร่มเย็น เป็นสุขมาสู่เคหสถานบ้านเรือน เจริญรุ่งเรืองและคุ้มครอง ป้องกันภัยอันตรายได้อย่างดีเยี่ยม

83.ว่านกระบี่ทอง มีสรรพคุณทางคงกะพันชาตรี

84.ว่านกุมารทอง มีสรรพคุณทางด้านคงกระพันชาตรี ค้าขายดี มีกำไรเป็นสิริมงคลทั้งยังมีอำนาจ มีเทวดารักษาคุ้มครอง

85.ว่านกาสัก มีอานุภาพทางคงกระพันชาตรี แคล้วคลาด ปลอดภัย

86.ว่านกบ เป็นว่านมีเทพรักษา มีอานุภาพทางด้านคงกระพันชาตรี ป้องกัน ไม่ให้ภัยพิบัติมาแผ้วพาล

87.ว่านขมิ้นขาวเสน่ห์ ดีทางด้านเมตตามหานิยม ทั้งยังเป็นเมตตามหานิยม

88.ว่านเขียวพันปี ให้คุณทางด้านเมตตามหานิยม

89.ว่านพระยาค่าง ให้คุณทางด้านคงกระพันชาตรี

90.ว่านเฉลิม ตำราว่านกล่าวว่า ว่านนี้ดีทางเมตตามหานิยม คนเห็นคนรักคนชอบ

91.ว่านเณรแก้ว เป็นเมตตามหานิยมและคงกระพันชาตรี

92.ว่านรางเงิน เป็นสิริมงคลและเมตตามหานิยมโชคลาภ

93.ว่านรางทอง เป็นสิริมงคลและเมตตามหานิยมโชคลาภ

94.ว่านรางนาค เป็นสิริมงคลและเมตตามหานิยมโชคลาภ

95.ว่านสิทธิโชค เป็นว่านที่มากด้วยสรรพคุณทางเมตตามหานิยม ทำให้ประสบโชคลาภ

96.ว่านแสนนางล้อม เป็นว่านที่มีสิริมงคลและป้องกันอัคคีภัยได้

97.ว่านเสือสามทุ่ง มีอานุภาพทางด้านบารมี ปกป้อง คุ้มครองเป็นตบะเดชะอำนาจ

98.ว่านปู่โสมเฝ้าทรัพย์ มีอำนาจเดชบารมี อยู่ที่ใดมักมีทรัพย์สมบัติมิได้ขาด

99.ว่านแสงอาทิตย์ มีอิทธิฤทธิ์อำนาจ ความร่มเย็นเป็นสุข

100.ว่านสบู่เหล็ก มีสรรพคุณทางคงกระพันชาตรี

101.ว่านหอมดำ เป็นว่านมีอานุภาพทางคงกระพันชาตรี

102.ว่านหางเสือ มีอานุภาพทางด้านป้องกัน ภูติ ผี ปีศาจ และคุณไสยต่างๆ

103.ว่านพญาหงส์เงิน ดีทางด้านเมตตามหานิยมและเดชอำนาจ

104.ว่านลิ้นกระทิงลาย ดีทางเมตตามหานิยมและคงกระพันชาตรี ป้องกันอันตรายจากหมู่มาร

105.ว่านกลิ้งกลางดง มีสรรพคุณทางด้านคงกระพันชาตรี  

106.ว่านสบู่เลือด ดีทางด้านคงกระพันชาตรี โบราณนิยมมาสร้างพระ เช่น พระผงน้ำมัน วัดชนะสงคราม

107.ว่านท้าวชมพู ดีทางคงกระพันชาตรี

108.ว่านชมพูหนังแห้ง ดีทางคงกระพันชาตรีป้องกันศัตราวุธ เป็นว่านที่ดีมาก