5/5/59

ว่านไพลดำ



ว่านไพลดำ

ชื่อสมุนไพร  ไพลดำ

ชื่ออื่นๆ ไพลม่วง (กรุงเทพมหานคร), ปูเลยดำ (ภาคเหนือ), ดากเงาะ (ปัตตานี), ว่านกระทือดำ

ชื่อวิทยาศาสตร์

 Zingiber ottensii Valeton

ชื่อวงศ์

 Zingiberaceae

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์

              ไม้ล้มลุก ลำต้นใต้ดิน สูงได้ถึง 5 เมตร มีเหง้าอยู่ใต้ดิน มีอายุหลายปี เนื้อในเป็นสีม่วง หรือสีม่วงอมน้ำตาล มีกลิ่นฉุนร้อนคล้ายไพล ใบ เป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับ แผ่นใบหนา รูปขอบขนาน ปลายใบเรียว โคนใบมน ขอบใบเรียบ กว้าง 6-8 เซนติเมตร ยาว 26-30 เซนติเมตร เส้นกลางใบเป็นร่องสีเขียวอ่อน ด้านล่างและเส้นกลางใบมีขน ก้านใบเป็นกาบหุ้มลำต้น มีสีม่วงคล้ำ กาบใบซ้อนกันแน่น  ไม่มีขนหรือมีประปราย   ลิ้นใบยาวที่ปลายกาบใบ รูปไข่ ปลายมน  ดอกออกเป็นช่อ จากโคนต้นแทงออกมาจากเหง้าใต้ดิน ก้านช่อดอกยาวประมาณ 14 เซนติเมตร ช่อดอกยาวประมาณ 9 เซนติเมตร ช่อดอกเป็นรูปทรงกระบอกถึงเกือบกลม  กลีบดอกโคนเชื่อมติดกัน สีเหลืองอ่อน มีประสีม่วงแดงอ่อนๆ กลีบดอกมี 5 กลีบ บาง โคนดอกเชื่อมติดกัน มีใบประดับสีเขียวปนแดงวางเรียงซ้อนกันเป็นชั้นๆ อย่างเป็นระเบียบคล้ายเกล็ดปลา  ใบประดับเมื่อยังอ่อนมีสีแดงอมเขียวแล้วเปลี่ยนเป็นสีชมพูหรือแดงเข้ม กลีบเลี้ยง  เชื่อมติดกันเป็นหลอดสีใส เกสรเพศผู้  ส่วนที่เป็นกลีบมี  3  หยัก หยักข้างมี  2  หยักสั้น  รูปไข่  ปลายมน  สีเหลืองอ่อน  หยักกลางหรือกลีบปากใหญ่    รูปกลมแกมขอบขนาน   ปลายแยก  2  หยักตื้น    พื้นสีเหลืองแกมน้ำตาลอ่อน ประสีน้ำตาลแดงแกมชมพูอ่อน เกสรเพศผู้ปลายเป็นจงอยยาวโค้ง สีเหลืองส้ม เกสรเพศเมีย ก้านเกสรยาว สีขาว ยอดเกสรรูปคล้ายกรวย สีขาว รอบ ๆ ปากมีขน รังไข่สีขาว ผล เป็นผลแห้งแตกได้ รูปทรงกระบอก สีแดง  มีถิ่นกำเนิดแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พบตามป่าเขตร้อนชื้น ออกดอกราวเดือนมิถุนายนถึงกรกฎาคม ติดผลราวเดือนตุลาคมถึงพฤศจิกายน ไพลดำนี้มีความเชื่อว่าเป็นว่านทางคงกระพันชาตรี

สรรพคุณ   

               ตำรายาไทย เหง้า ฝนทาแก้เคล็ดขัดยอก ฟกบวม แก้เหน็บชา แก้เมื่อยขบ สมานแผล ขับประจำเดือน แก้บิด สมานลำไส้ น้ำมันจากเหง้า ทาถูนวดแก้เหน็บชา แก้เส้นสายตามร่างกายตึง แก้เมื่อยขบ เหง้าสด ตำคั้นเอาน้ำผสมกับเกลือสะตุ 1 ช้อนโต๊ะ กินเป็นยาระบายอ่อนๆ แก้บิด ขับลม ขับประจำเดือนสตรี สมานลำไส้ เหง้าสด  ต้มกับน้ำใส่เกลือเล็กน้อย ดื่มก่อนอาหารเช้า-เย็น ใช้รักษาโรคกระเพาะอาหารและลำไส้ หรือนำมาบดเป็นผง ผสมกับน้ำผึ้งแล้วปั้นเป็นยาลูกกลอน เก็บไว้รับประทานเช้า-เย็น วันละ 2-3 เม็ด เป็นยาช่วยเจริญอาหาร บำรุงกำลัง เป็นยาอายุวัฒนะ แก้ธาตุพิการ ใบ รสขื่นเอียน แก้ครั่นเนื้อครั่นตัว แก้ปวดเมื่อย ดอก รสขื่น แก้ช้ำใน กระจายเลือดที่เป็นก้อนลิ่ม ราก รสขื่นเอียน แก้เลือดกำเดาออกทางปากทางจมูก แก้อาเจียนเป็นเลือด

ที่มา ฐานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี