ว่านไพลดำ
ชื่อสมุนไพร ไพลดำ
ชื่ออื่นๆ ไพลม่วง (กรุงเทพมหานคร), ปูเลยดำ
(ภาคเหนือ), ดากเงาะ (ปัตตานี), ว่านกระทือดำ
ชื่อวิทยาศาสตร์
Zingiber ottensii
Valeton
ชื่อวงศ์
Zingiberaceae
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ไม้ล้มลุก ลำต้นใต้ดิน สูงได้ถึง 5 เมตร มีเหง้าอยู่ใต้ดิน มีอายุหลายปี
เนื้อในเป็นสีม่วง หรือสีม่วงอมน้ำตาล มีกลิ่นฉุนร้อนคล้ายไพล ใบ เป็นใบเดี่ยว
ออกเรียงสลับ แผ่นใบหนา รูปขอบขนาน ปลายใบเรียว โคนใบมน ขอบใบเรียบ กว้าง 6-8
เซนติเมตร ยาว 26-30 เซนติเมตร เส้นกลางใบเป็นร่องสีเขียวอ่อน
ด้านล่างและเส้นกลางใบมีขน ก้านใบเป็นกาบหุ้มลำต้น มีสีม่วงคล้ำ
กาบใบซ้อนกันแน่น
ไม่มีขนหรือมีประปราย
ลิ้นใบยาวที่ปลายกาบใบ รูปไข่ ปลายมน
ดอกออกเป็นช่อ จากโคนต้นแทงออกมาจากเหง้าใต้ดิน ก้านช่อดอกยาวประมาณ 14
เซนติเมตร ช่อดอกยาวประมาณ 9 เซนติเมตร ช่อดอกเป็นรูปทรงกระบอกถึงเกือบกลม กลีบดอกโคนเชื่อมติดกัน สีเหลืองอ่อน
มีประสีม่วงแดงอ่อนๆ กลีบดอกมี 5 กลีบ บาง โคนดอกเชื่อมติดกัน
มีใบประดับสีเขียวปนแดงวางเรียงซ้อนกันเป็นชั้นๆ อย่างเป็นระเบียบคล้ายเกล็ดปลา ใบประดับเมื่อยังอ่อนมีสีแดงอมเขียวแล้วเปลี่ยนเป็นสีชมพูหรือแดงเข้ม
กลีบเลี้ยง เชื่อมติดกันเป็นหลอดสีใส
เกสรเพศผู้ ส่วนที่เป็นกลีบมี 3 หยัก
หยักข้างมี 2 หยักสั้น
รูปไข่ ปลายมน สีเหลืองอ่อน
หยักกลางหรือกลีบปากใหญ่
รูปกลมแกมขอบขนาน ปลายแยก 2
หยักตื้น พื้นสีเหลืองแกมน้ำตาลอ่อน
ประสีน้ำตาลแดงแกมชมพูอ่อน เกสรเพศผู้ปลายเป็นจงอยยาวโค้ง สีเหลืองส้ม เกสรเพศเมีย
ก้านเกสรยาว สีขาว ยอดเกสรรูปคล้ายกรวย สีขาว รอบ ๆ ปากมีขน รังไข่สีขาว ผล
เป็นผลแห้งแตกได้ รูปทรงกระบอก สีแดง
มีถิ่นกำเนิดแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พบตามป่าเขตร้อนชื้น
ออกดอกราวเดือนมิถุนายนถึงกรกฎาคม ติดผลราวเดือนตุลาคมถึงพฤศจิกายน
ไพลดำนี้มีความเชื่อว่าเป็นว่านทางคงกระพันชาตรี
สรรพคุณ
ตำรายาไทย เหง้า ฝนทาแก้เคล็ดขัดยอก ฟกบวม แก้เหน็บชา แก้เมื่อยขบ สมานแผล
ขับประจำเดือน แก้บิด สมานลำไส้ น้ำมันจากเหง้า ทาถูนวดแก้เหน็บชา
แก้เส้นสายตามร่างกายตึง แก้เมื่อยขบ เหง้าสด ตำคั้นเอาน้ำผสมกับเกลือสะตุ 1
ช้อนโต๊ะ กินเป็นยาระบายอ่อนๆ แก้บิด ขับลม ขับประจำเดือนสตรี สมานลำไส้
เหง้าสด ต้มกับน้ำใส่เกลือเล็กน้อย
ดื่มก่อนอาหารเช้า-เย็น ใช้รักษาโรคกระเพาะอาหารและลำไส้ หรือนำมาบดเป็นผง
ผสมกับน้ำผึ้งแล้วปั้นเป็นยาลูกกลอน เก็บไว้รับประทานเช้า-เย็น วันละ 2-3 เม็ด
เป็นยาช่วยเจริญอาหาร บำรุงกำลัง เป็นยาอายุวัฒนะ แก้ธาตุพิการ ใบ รสขื่นเอียน
แก้ครั่นเนื้อครั่นตัว แก้ปวดเมื่อย ดอก รสขื่น แก้ช้ำใน
กระจายเลือดที่เป็นก้อนลิ่ม ราก รสขื่นเอียน แก้เลือดกำเดาออกทางปากทางจมูก แก้อาเจียนเป็นเลือด
ที่มา ฐานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
ที่มา ฐานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี